นักวิทย์ ค้นพบ แบคทีเรีย ที่กินโลหะมานานกว่า 100 ปี ที่แล้ว เราพอจะทราบกันอยู่บ้าง ว่า แบคทีเรีย นั้นกินโลหะ มานานแล้ว แต่สิ่งที่เราไม่ทราบคือ มันเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ โดยเมื่อไม่นานมานี้ นักวิทยาศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หรือแคลเทค (Caltech) ในสหรัฐอเมริกา เผยว่า ค้นพบแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่กินโลหะ ซึ่งพวกเขาสงสัยว่าแบคทีเรียชนิดนี้อาจมีอยู่มานานกว่าศตวรรษ เพียงแค่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ยังเผยอีกว่า นี่เป็นแบคทีเรียชนิดแรกที่พบว่าใช้แมงกานีสเป็นแหล่งเชื้อเพลิง ปกติแล้วจุลินทรีย์ในธรรมชาติสามารถเผาผลาญวัสดุ แต่ดูเหมือนไม่น่าเป็นไปได้กับโลหะ แถมยังให้พลังงานที่เป็นประโยชน์ต่อเซลล์ ดังนั้น การทำความเข้าใจเคมีของปรากฏการณ์นี้จะนำไปสู่การศึกษาปฏิกิริยาที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์และเป็นที่ต้องการในอนาคต . ขอบคุณข้อมูล    :     thairath.co.th/news/foreign/1894424 ภาพประกอบจาก      :    thairath.co.th/lifestyle/life/1724116

เป็นไปได้ไหม !! ที่กลุ่มเพื่อนผู้หญิงมักมี ประจำเดือน ในเวลาใกล้ๆ กัน เคยมีคำกล่าวที่ว่า เวลาที่กลุ่มเพื่อนผู้หญิงอยู่ด้วยกันมักมี ประจำเดือน ในเวลาใกล้ๆ กัน เรื่องนี้น่าสนใจ ดูเหมือนเป็นเรื่องของผู้หญิง แต่คุณผู้ชายก็ควรรู้ไว้นะจ้ะ เวลาที่แฟนเรา มีประจำเดือน จะได้เข้าใจ สภาพอารมณ์ของฝ่ายหญิงเขา และมันเป็นไปได้ไหม สำหรับเรื่องที่ว่า เวลาที่กลุ่มเพื่อนผู้หญิงอยู่ด้วยกันมักมี ประจำเดือน ในเวลาใกล้ๆ กัน บทความนี้เรามาหาคำตอบกัน ประจำเดือนมาพร้อมเพื่อนในกลุ่ม นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ? มีการพูดถึง ทฤษฎี ฮอร์โมน “ฟีโรโมน” ที่ผู้หญิงจะปล่อยออกมาในช่วงที่มีประจำเดือน เมื่อผู้หญิงที่มีประจำเดือนอยู่ใกล้กับผู้หญิงอีกคน อาจไปกระตุ้นให้มีประจำเดือนในช่วงเวลาต่อมาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ว่าสามารถเกิดขึ้นได้จริง นอกจากนี้ฟีโรโมนจะหลั่งออกมาตามรักแร้ และข้อพับต่างๆ ในร่างกาย หากมีการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่น หรืออาบน้ำทำความสะอาดบริเวณนั้น ฟีโรโมนที่ปล่อยออกมาตามจุดนั้นๆ ก็ไม่ได้มีผลอะไรต่อคนที่อยู่ใกล้เคียงได้ชัดเจนมากขนาดนั้น ความเป็นไปได้ที่สูงกว่าน่าจะมาจากรอบเดือนที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเดือนละวันสองวัน เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งจึงอาจพบว่าเพื่อนรอบตัวมีรอบเดือนตรงกัน หรือไล่เลี่ยกันกับเราได้ ในระยะเวลา 1 ปี เราอาจพบว่ามีประจำเดือนในช่วงเวลาเดียวกันกับเพื่อนคนหนึ่งราว 2-3 ครั้ง ในขณะที่ถ้าคุณมีเพื่อนในกลุ่มหลายคน โอกาสที่จะมีประจำเดือนใกล้เคียงกับเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น สรุปว่า มีความเป็นไปได้ที่เราจะมีประจำเดือนเป็นเวลาเดียวกัน หรือไล่เลี่ยกันกับเพื่อนในกลุ่ม …

กิน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แบบดิบ อันตรายกับร่างกายของเราหรือไม่ ตอนเด็กๆ เชื่อเลยว่าทุกคนต้องเคยซื้อ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มากินเลยแบบไม่ต้มแน่นอน โดยเฉพาะรสต้มยำกุ้งเนี่ย หยิบกินมันมากเลยทีเดียว 55+ แต่พอยิ่งโตขึ้นได้เรียนวิทยาศาสตร์ มากขึ้น เราก็เริ่มได้เรียนรู้ว่า ในเครื่องปรุงมีผงชูรส และโซเดียมจำนวนมาก จึงทำให้เราไม่กินมันอีกต่อไป และถ้าเรากินเล่นบ้างในบางครั้ง มันจะเป็นอะไรต่อร่างกายไหม ในบทความนี้ มีคำตอบมาฝากกันจ้า ผลกระทบต่อร่างกาย จากการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ เชื่อเลยว่าหลายๆ คน ต้องเคยอ่านเจอ หรือเคยได้ยินมาว่า กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบจะดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้เกิดอาการขาดน้ำ จนเกิดภาวะช็อกได้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำมาจากแป้ง และทำให้สุกด้วยน้ำร้อน ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมัน หรือนำไปอบแห้ง แล้วถึงจะนำมาต้มอีกที เมื่อนำมาเติมน้ำร้อน หรือต้มเส้นบะหมี่จะดูดน้ำ และพองตัวในระดับหนึ่ง รวมทั้งมีความอ่อนนุ่ม เหมาะแก่การบริโภค บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หากนำมากินดิบ เมื่อบริโภคเข้าไปในร่างกายก็เหมือนกับการกินแป้ง หรือขนมปัง ไม่สามารถไปดูดน้ำย่อยในลำไส้ และทำให้ร่างกายขาดน้ำอย่างที่ใครหลายๆ คนเข้าใจ แต่การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบอาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้องได้ และกินดิบได้ไหม ?? บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กินได้ แต่ต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสม แม้ว่าเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบจะไม่ได้อันตรายถึงขั้นเข้าไปดูดน้ำย่อยในลำไส้หรือกระเพาะอาหาร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ โดยทั่วไปบะหมี่สำเร็จรูปต่อ 1 …

นักวิทย์ พบว่าที่จริงแล้ว สเปิร์ม ว่ายไปข้างหน้าด้วยการหมุนควงสว่านเหมือนตัวนาก เมื่อสมัยก่อน เรามีความเชื่อว่า สเปิร์ม น่าจะว่ายน้ำในรูปแบบเดียวกับลูกอ๊อก หรืองู เพราะลักษณะของ สเปิร์ม กับสัตว์พวกนี้มีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ไม่นาน มีงานวิจัยใหม่ จากนักวิทยาศาสตร์ ได้ออกเปิดเผยข้อมูลใหม่ว่า แท้จริงแล้วสเปิร์มว่ายไปข้างหน้าด้วยการหมุนควงสว่านเหมือนตัวนาก ต่างหาก ดร. แอร์เมส กาเดญา นักชีววิทยาเชิง คณิตศาสตร์  และเพื่อนร่วมทีมวิจัยของเขาจากมหาวิทยาลัยบริสตอลของสหราชอาณาจักร ตีพิมพ์รายงานการค้นพบข้างต้นในวารสาร Science Advances โดยระบุว่าใช้กล้องสามมิติดังกล่าวบันทึกภาพวิดีโอ ร่วมกับการใช้กล้องจุลทรรศน์ที่สามารถเลื่อนแผ่นสไลด์บรรจุตัวอย่างอสุจิขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวที่หางของมันได้จากหลายมุมมองยิ่งขึ้น ดร. กาเดญาบอกว่า การตวัดหางไปมาของสเปิร์มนั้น ที่จริงไม่ได้สมมาตรหรือเท่ากันทั้งซ้ายและขวาอย่างที่เคยเข้าใจกันมา ซึ่งการตวัดหางแบบนี้จะทำให้ต้องว่ายวนเป็นวงกลม ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ “แต่การแหวกว่ายของสเปิร์ม ยังมีการเคลื่อนไหวอีกแบบเข้าช่วยด้วย นั่นคือการหมุนรอบแกนแนวยาวของลำตัว คล้ายกับตัวนากที่ว่ายน้ำด้วยการหมุนตัวควงสว่าน” ดร. กาเดญากล่าว ซึ่งทีมผู้วิจัยระบุว่า การหมุนตัวในลักษณะนี้ช่วยชดเชยข้อบกพร่องจากการตวัดหางที่ไม่สมมาตร และทำให้สเปิร์มพุ่งตัวไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ . ขอบคุณข้อมูล   :    bbc.com/thai/features-53640557 ภาพประกอบจาก    :     catdumb.tv/how-human-sperm-swim-378

นักชีวดาราศาสตร์ ตามหา ดาวเคราะห์ ในโซนที่อาศัยอยู่ได้ ช่วงนี้ นักดาราศาสตร์ พยายาม ค้นหา ดาวเคราะห์ ดาวใหม่ ที่มีสิ่งมีชีวิตกันอย่างน่าดูเลย โดยเฉพาะ ดาวศุกร์ และดาวอังคารที่อยู่ใกล้โลก เป็นอะไรที่มีการสำรวจเป็นพิเศษเลย ยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ ทางนาซ่า ก็ได้ส่งยานไปสำรวจดาวอังคารอีกครั้ง และให้เหตุผลในการสำรวจในครั้งนี้ว่า ต้องการหาสิ่งมีชีวิตในดาวอังคาร เอ๊ะยังไงกับเรื่องนี้ โดยนักชีวดาราศาสตร์ ก็ได้อธิบายถึงโซนที่อาศัยอยู่ได้ ซึ่งมีใจความ ดังนี้ ระบบดาวแทรพพิสต์-วัน เชื่อกันว่ามีดาวเคราะห์คล้ายโลก 3 ดวงตั้งอยู่ในเขตเอื้ออาศัยได้ของสิ่งมีชีวิต แต่ก็เกิดความสงสัยว่าทำไมแทรพพิสต์-วันจึงมีดาวเคราะห์ที่เอื้ออาศัยอยู่ได้จำนวนหลายดวง ต่างจาก ระบบสุริยะของเราที่มีดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ทีมนักชีวดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ในสหรัฐอเมริกาพยายามไขข้อสงสัยด้วยการสร้างระบบจำลองดาวเคราะห์ขนาดต่างๆ ที่โคจรรอบดวงดาว เพื่อศึกษาแรงดึงดูดและทดสอบว่าดาวเคราะห์มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไรในเวลาหลายล้านปี ภาพประกอบ จาก thairath.co.th/lifestyle/life/1902720   การศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่าระบบดาวอื่นๆ อย่างแทรพพิสต์-วัน อาจมีดาวเคราะห์คล้ายโลกมากถึง 7 ดวง ในกรณีที่ระบบดาวไม่มีดาวก๊าซยักษ์อย่างดาวพฤหัส เพราะดาวพฤหัสมีผลกระทบอย่างมากต่อระบบสุริยะ เนื่องจากมีขนาดใหญ่และรบกวนวงโคจรของดาวดวงอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่าถึงระบบดาวเบตา ซีวีเอ็น (Beta CVn) อยู่ห่างออกไป 27 ปีแสง และไม่มีดาวเคราะห์คล้ายดาวพฤหัสอาศัยอยู่ ระบบดาวแห่งนี้ถูกจัดอยู่ในรายชื่อที่ต้องตรวจสอบว่ามีดาวเคราะห์ที่ตั้งในโซนอาศัยอยู่ได้ . …

หลักฐานใหม่ชี้ มนุษย์ อพยพสู่ทวีปอเมริกาตั้งแต่เมื่อ 33,000 ปีก่อน มีการขุดพบโบราณวัตถุซึ่งเป็นเครื่องมือหินของ มนุษย์ เกือบ 2,000 ชิ้น ที่ถ้ำ Chiquihuite บนภูเขาสูงทางตอนกลางของเม็กซิโก โดยการค้นพบนี้เป็นหลักฐานยืนยันถึงการที่บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองอเมริกันได้อพยพเข้ามาอาศัยในทวีปอเมริกาตั้งแต่ 33,000 ปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดกันไว้ถึง 15,000 ปี ผลการวิเคราะห์ชี้ว่า มนุษย์โบราณ ได้เข้าอยู่อาศัยและใช้งานถ้ำดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาราว 20,000 ปี โดยอาจอพยพเข้ามาอาศัยเป็นประจำในบางฤดูกาลของทุกปี ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งของวงจรการโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อการดำรงชีวิตในแบบของพวกเขา อย่างไรก็ตาม มีรายงานวิจัยหนึ่งในสองฉบับข้างต้นชี้ว่า ประชากรมนุษย์ยุคใหม่ที่เดินทางมาถึงทวีปอเมริกาเป็นรุ่นแรกเมื่อราวสามหมื่นปีก่อนนั้นมีจำนวนน้อย และอาจอพยพโดยใช้วิธีล่องเรือหรือแพเลาะมาตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก และรายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า ผู้บุกเบิกบางกลุ่มไม่อาจอยู่รอดได้ในดินแดนแห่งใหม่ และตายลงโดยไม่ทิ้งลูกหลานผู้สืบเชื้อสายเอาไว้ แต่ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ได้กระจายกันไปตั้งหลักแหล่งทั่วภูมิภาคอเมริกาเหนือ โดยปรากฏหลักฐานในถ้ำและสถานที่ต่าง ๆ อีกอย่างน้อย 42 แห่ง ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าผู้บุกเบิกเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดกับกลุ่มชนที่ให้กำเนิดวัฒนธรรมโคลวิส (Clovis culture) ในเวลาต่อมาหรือไม่ . ขอบคุณข้อมูล    :      bbc.com/thai/features-53536792 ภาพประกอบจาก     :    thairath.co.th/lifestyle/travel/thaitravel/1319669

แฮกเกอร์ปริศนา ไล่ลบฐานข้อมูลกว่า 1,000 แห่ง และทิ้งข้อความว่า “เหมียว” แฮกเกอร์ ถ้าพูดถึงชื่อนี้ หลายๆคน คงหวาดกลัวกับข้อมูลที่เรามีอยู่อย่างแน่นอน เพราะในโลกยุคปัจจุบัน การใช้อินเตอร์เน็ต ถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนใช้กันอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของข้อมูล แต่ถึงยังไงแม้ว่าจะระบบป้องกันดีแค่ไหน ก็ยัง ไม่วาย โดนแฮกเกอร์ จัดการได้อยู่ดี และล่าสุด เมื่อต้นเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ที่มา Bob Diachenko นักวิจัย ด้านความปลอดภัย ของบริษัทที่ดูแลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Comparitech ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการโจมตีฐานข้อมูลของบริษัท UFO VPN ในฮ่องกง การโจมตีนี้ถูกตั้งชื่อว่า “Meow attack” หรือเหมียวโจมตี Meow attack มีรูปแบบการโจมตี คือ แฮกเกอร์จะเจาะเข้าไปในระบบฐานข้อมูลด้วยการเข้าไปลบ หรือเปลี่ยนชื่อไฟล์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าฐานข้อมูลดังกล่าวมีช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถเข้าไปดู และลบไฟล์ได้อย่างอิสระ โดยไม่มีการฝังมัลแวร์ หรือเรียกร้องค่าไถ่แต่อย่างใด สิ่งที่เหลืออยู่ในเซิร์ฟเวอร์มีเพียงคำว่า “meow” (เหมียว) เท่านั้น และถึงอย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังพบการโจมตีระบบจากเดิม 1,000 ข้อมูล เพิ่มเป็น 4,000 ข้อมูล …

จิตแพทย์แนะ ร้องไห้ ให้พอเพราะมันดีสำหรับเรา เวลาเราเสียใจ ดีใจ มีความสุข หรือมีความรู้สึกอ่อนไหว เราก็มักจะ ร้องไห้ ออกมา แต่หลายๆ คนมองว่าการที่คนเราร้องไห้ มันคือความอ่อนแอ เหมือนเป็นผู้แพ้ แต่ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ล่าสุดมี จิตแพทย์ แนะนำให้เราร้องไห้ไปเลย เพราะมันดีกับตัวเรา Stephen Sideroff ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาจิตเวชศาสตร์และชีวะพฤติกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในนครลอสแองเจลิส ได้กล่าวว่าการที่คนทั่วไปมักเห็นว่าการ ร้องไห้ ซึ่งก็คือการแสดงออกทางอารมณ์ เป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควรนั้นเริ่มต้นมาจากสมัยที่เรายังเป็นเด็ก โดยเด็กๆ มักจะถูกสอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และไม่ต้อง ร้องไห้ ออกมา แต่อย่างไรก็ตาม นักจิตวิทยา ได้อธิบายว่าน้ำตามีอยู่สามประเภทด้วยกัน ประเภทที่หนึ่งคือน้ำตาแห่งอารมณ์ซึ่งเกิดจากความรู้สึกที่รุนแรงเช่นความสุขหรือความเศร้า ประเภทที่สองคือน้ำตาซึ่งช่วยหล่อลื่นดวงตา และสุดท้ายคือน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อฝุ่นหรือละอองจากหัวหอมสร้างความระคายเคืองต่อดวงตา และ มนุษย์ เป็นสัตว์โลกประเภทเดียวที่สามารถมีน้ำตาจากอารมณ์ได้ และ Stephen Sideroff ก็ยังบอกอีกว่าการร้องไห้ซึ่งเหมือนเป็นการแสดงความอ่อนแอออกมานั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะคนเราไม่สามารถตั้งการ์ดป้องกันตัวเองได้ตลอดเวลา ดังนั้นการแสดงความอ่อนแอและลดการ์ดลงบ้างจะช่วยคลายความกดดันและความตึงเครียดได้ . ขอบคุณข้อมูล    :     voathai.com/a/crying-is-good-for-you/5520258 ภาพประกอบจาก   :     kullastreemag.com/lifestyle/ทำไมคนเราต้องร้องไห้

นักวิทย์ ค้นพบ แมลงสาบทะเล สัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดยักษ์ ในทะเลอินโดนีเซีย โลกเรานี้ มีความหลายหลายทางชีวภาพจริงๆ ในประเทศไทยก็ยังมีการค้นพบสัตว์ต่างๆ มากมายในปัจจุบัน มาในบทความนี้ นักวิทยาศาสตร์ ของทางอินโดนีเซีย ก็ได้ค้นพบสัตว์น้ำ ชนิดใหม่ โดยนักวิทยาศาสตร์ในอินโดนีเซีย ประกาศว่า พบสัตว์น้ำเปลือกแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่า แมลงสาบทะเล ยักษ์ สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้จัดอยู่ในตระกูลบาทีโนมัส (Bathynomus) ซึ่งเป็นสัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดใหญ่ มีลำตัวแบนและแข็งคล้ายกับแมงคาเรือง (woodlice) อาศัยอยู่ในน้ำลึก บาทีโนมัส รักซาซา (ซึ่งแปลว่า “ยักษ์” ในภาษาอินโดนีเซีย) ถูกพบที่ช่องแคบซุนดาที่อยู่ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา บริเวณใกล้เคียง คือ มหาสมุทรอินเดีย ที่ระดับน้ำทะเลลึก 957-1,259 เมตร เมื่อโตเต็มวัย มันมีขนาดเฉลี่ย 33 เซนติเมตร และถือว่า มีขนาด “มหึมา” สัตว์จำพวกบาทีโนมัสสายพันธุ์อื่น ๆ อาจมีขนาดตั้งแต่หัวถึงหางยาว 50 เซนติเมตร ก่อนหน้านี้ มีสัตว์น้ำเปลือกแข็งขนาดมหึมาที่ถูกค้นพบแล้วเพียง 7 สายพันธุ์ในโลก คณะนักวิจัยได้รายงานในวารสาร ซูคีย์ส (ZooKeys) ว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่พบสัตว์จำพวกบาทีโนมัสในทะเลลึกของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีการศึกษา …

นักวิทย์ พบ “ยีนผอม” และเตรียมวิจัยต่อสู้ โรคอ้วน ในอนาคต โรคอ้วน เป็นโรคที่ทุกคนไม่ชอบ อย่างแน่นอน แต่ทำยังไงได้ล่ะ อาหารการกินในปัจจุบันมันช่างน่ากินเสียเหลือเกิน แต่ในวันนี้ มีทางออกเล็กๆ สำหรับคนที่ชอบกิน เพราะ ในการศึกษาวิจัยเบื้องต้นที่ตีพิมพ์ในวารสาร Cell เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ อาจค้นพบยีนที่ช่วยให้คนเหล่านั้นคงความผอมเพรียวเอาไว้ได้ และยังอาจเปิดโอกาสในการต่อสู้กับการเป็นโรคอ้วนได้ คณะนักวิทยาศาสตร์นานาชาติสามารถระบุลักษณะความแปรผันทางพันธุกรรมที่ไม่เหมือนใครในบรรดาคนที่มีรูปร่างผอม หรือที่เรียกว่ายีน ALK ซึ่งยีนดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของเซลล์ ทั้งนี้ นักวิจัยยังพบยีนดังกล่าวด้วยการศึกษาตัวอย่าง DNA และข้อมูลทางด้านการแพทย์ของชาวเอสโตเนียสุขภาพดีที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 44 ปีจำนวนกว่า 47,000 คน โดยนักวิจัยทดลองให้หนูกินอาหารไขมันสูง และพบว่าหนูที่น้ำหนักตัวปกติกลายเป็นโรคอ้วน ส่วนหนูที่ไม่มียีน ALK ยังคงผอมอยู่เหมือนเดิม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทราบมาก่อนอยู่แล้วว่าการกลายพันธุ์ของยีนและโปรตีน ALK นั้นอาจทำให้เกิดเนื้องอกซึ่งกลายเป็นมะเร็งได้ เช่น มะเร็งในปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งสมอง เป็นต้น Josef Penninger ศาสตราจารย์ภาควิชาพันธุศาสตร์การแพทย์และผู้อำนวยการสถาบัน Life Sciences Institute แห่งมหาวิทยาลัย University of British Columbia ได้กล่าวว่า …

ดาวฤกษ์ “S2” เป็นไปตามคำทำนายของทฤษฎีสัมพัทธภาพของ ไอน์สไตน์ ดาวฤกษ์ S2 เป็นดาวฤกษ์ที่โคจรรอบหลุมดำมวลยวดยิ่งซาจิทาเรียส เอ สตาร์ หรือ “Sgr A*” ที่อยู่บริเวณใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา S2 มีวงโคจรเป็นรูปวงรีที่รีมาก มีคาบการโคจรประมาณ 16 ปี อยู่ห่างจาก Sgr A* เพียง 17 ชั่วโมงแสง หรือประมาณ 4 เท่า ของระยะทางจากดวงอาทิตย์ถึงดาวเนปจูน นับเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้หลุมดำใจกลางทางช้างเผือกมากที่สุดดวงหนึ่ง แรงโน้มถ่วงอันมหาศาลของหลุมดำทำให้ S2 มีอัตราเร็วในวงโคจรได้สูงถึงร้อยละ 3 ของความเร็วแสง จากการสังเกตการณ์ S2 มาเป็นเวลานาน นักดาราศาสตร์ จึงทราบว่า ดาวฤกษ์ S2 จะโคจรครบรอบในตำแหน่งที่ต่างกันไปในแต่ละครั้ง หรือมีวงโคจรที่หมุนควงไปเรื่อย ๆ ทำให้ลักษณะวงโคจรที่เกิดขึ้นคล้ายรูปทรงทางเรขาคณิต (spirograph) ที่เราเคยวาดจากไม้บรรทัดฟันเฟืองสมัยตอนเป็นเด็ก นักดาราศาสตร์เรียกปรากฏการณ์เช่นนี้ว่า “การหมุนควงของชวาทซ์ชิลท์ (Schwarzschild precession)” โดยนักดาราศาสตร์ค้นพบการหมุนควงของชวาทซ์ชิลท์ครั้งแรกจากวงโคจรของดาวพุธรอบดวงอาทิตย์ และเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยสนับสนุนทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของ ไอสไตน์ ซึ่งการค้นพบในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่พบปรากฏการณ์ดังกล่าวกับดาวฤกษ์ที่โคจรรอบหลุมดำมวลมหาศาล ซึ่งในการศึกษาวงโคจรของดาวฤกษ์​ S2 ในครั้งนี้ ถือเป็นผลการศึกษาที่สำคัญ เนื่องจากเป็นองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษาดาวฤกษ์เพียงดวงเดียวเท่านั้น …

นักวิทย์ ค้นพบ สัตว์ทะเล ลึกพรางตัวด้วยผิวสีดำมืดที่สุดในโลก จากการรายงานข้อมูลของ นักชีววิทยาสหรัฐ และสหราชอาณาจักรได้ระบุว่า มี สัตว์ทะเล ลึกอย่างน้อย 16 ชนิดพันธุ์ ถูกค้นพบว่ามีผิวหนังสีดำเข้มเป็นพิเศษในระดับที่ใกล้เคียงกับสี “แวนตาแบล็ก” (Vantablack) ซึ่งจัดเป็นสีที่มีความมืดมิดมากที่สุดในโลก จนช่างภาพไม่อาจจะถ่ายรูปของพวกมันได้ด้วยเทคนิคการจัดแสงแบบธรรมดา ผลการวิเคราะห์ผิวหนังของ สัตว์ทะเล ลึกดังกล่าวพบว่า พวกมันมีอนุภาคของเม็ดสีเรียงติดกันแน่นขนัดโดยไม่มีช่องว่าง ซึ่งอนุภาคเหล่านี้ก่อตัวเป็นชั้นบางใน ผิวหนังเพียงชั้นเดียว โดยเม็ดสีมีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสมในการกระจายให้แสงผ่านเข้าไปใต้ผิวหนังได้พอดี ทั้งยังดักจับแสงเอาไว้ไม่ให้สะท้อนกลับออกมาด้วย โครงสร้างของเม็ดสีแบบพิเศษดังกล่าว ช่วยให้พรางตัวในที่โล่งใต้ทะเลลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีแสงจากสัตว์ผู้ล่า และจากความรู้ในเรื่องดังกล่าวทำให้ ดร. ออสบอร์น  หนึ่งในสมาชิกของทีมวิจัยจากสถาบันสมิธโซเนียน ได้คิดค้นวิธีจัดแสงให้ถ่ายภาพปลาทะเลลึกผิวมืดได้คมชัดขึ้น และความรู้นี้อาจนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อคิดค้นวัสดุสีดำพิเศษเคลือบด้านในของกล้องถ่ายภาพหรือกล้องโทรทรรศน์ได้ . ขอบคุณข้อมูลข่าว จาก   :     bbc.com/thai/features-53462845 ภาพประกอบจาก    :    wissenschaft.de/umwelt-natur/ultraschwarze-tiefseefische